ในการประกอบธุรกิจโดยทั่วไปผู้บริหารการเงินคงคุ้นเคยกับวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจ คือ “การแสวงหากำไรสูงสุด (Profit maximixation)” โดยเฉพาะฝ่ายการตลาด ที่ต้องพยายามทำการขายสินค้าและบริการให้ได้รายรับรวมสูงสุดมากกว่าต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ
แต่หากมองในแง่ของผู้บริหารการเงินแล้ว ยอดขายรวมที่ได้จากการขายของฝ่ายการตลาดนั้นมีความไม่แน่นอนในเรื่องของเวลาอยู่ด้วย อีกทั้งแนวทางในการบันทึกมูลค่ากำไรในทางบัญชีของแต่ละธุรกิจยังแตกต่างกัน ทำให้กำไรสูงสุดของแต่ละธุรกิจ แต่ละช่วงเวลานั้นไม่แน่นอน แถมยังมีปัจจัยเรื่องมูลค่าของเงินตามเวลาที่เป็นส่วนสำคัญที่กระทบต่ออัตราผลตอบแทนของธุรกิจ ทำให้การพิจารณาในการตัดสินใจทางการเงินต้องทำอย่างรอบคอบโดยครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้
- การตัดสินใจต่างๆ โดยคำนึงถึงแนวคิดว่าเงินที่ได้รับในเวลาต่างๆ กัน มีค่าต่างกัน (Time value of money)
- พิจารณาถึงความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของผลตอบแทนที่จะได้รับจากการดำเนินงานในอนาคต
- ให้น้ำหนักความสำคัญของกระแสเงินสดที่เกิดจริงมากกว่ามูลค่ากำไรทางบัญชี เนื่องจากระบบบันทึกบัญชีแต่ละธุรกิจและแต่ละช่วงเวลาย่อมแตกต่างกันได้
จากที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนักบริหารการเงินจึงได้ให้ความยอมรับว่าเป้าหมายทางธุรกิจในปัจจุบันควรเปลี่ยนเป็น “การทำให้มูลค่าของกิจการเพิ่มขึ้น (Maximize the value of the firm)" นั้นเหมาะสมกว่า เพราะเราไม่เพียงคำนึงถึงการสร้างกำไรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทำให้ผู้บริหารการเงินมองภาพรวมที่จะเกิดขึ้นในแผนงานทางการเงินของกิจการทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้กว้างขึ้น การตัดสินใจจัดสรรทรัพยากรทางการเงินบางอย่างอาจทำให้เกิดกำไรสูงขึ้นในปัจจุบันจริงแต่อาจทำให้เกิดปัญญหาทางการเงินอื่นๆ เข้ามาแทนและทำให้เกิดความเสี่ยงทางด้านการเงินของกิจการในอนาคตได้
หน้าที่งานการเงิน
ลักษณะและขนาดของกิจการต่างๆ อาจส่งผลให้ขอบเขตความรับผิดชอบต่อการบริหารการเงินแตกต่างกันไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วหน้าที่งานทางด้านการเงินก็สามารถแยกออกเป็น 3 เรื่องใหญ่ๆด้วยกันได้แก่
- การวิเคราะห์ทางการเงิน
- การวางแผนกำไร
- การพยากรณ์ทางการเงิน รวมถึงการจัดทำงบการเงินและงบกระแสเงินสดโดยคะเน
หน้าที่บริหารสินทรัพย์หรือจัดสรรเงินทุน ผู้บริหารงานการเงินจึงมีหน้าที่พิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ติดตามประเมินผลการใช้สินทรัพย์เหล่านั้นให้มีประสิทธิภาพเพื่อได้ผลงานตามที่วางแผนไว้ ผู้บริหารงานการเงินมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการบริหารสินทรัพย์ถาวะ และสินทรัพย์หมุนเวียน ซึ่งประกอบไปด้วยเรื่องต่างๆ ดังนี้
- การพิจารณาการลงทุน
- การพิจารณาการลงทุนภายใต้ความไม่แน่นอน
- การบริหารทุนหมุนเวียน
- การบริหารเงินสดและหลักทรัพย์
- การบริหารลูกหนี้
- การบริหารสินค้าคงเหลือ
หน้าที่จัดหาเงินทุน ผู้บริหารการเงินต้องจัดหาเงินทุนให้เพียงพอต่อการใช้เงินทุนและสอดคล้องกับแผนงานทางการเงินที่ได้มีการจัดทำและตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆไปแล้ว เพื่อให้ได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนตามแผน พร้อมทั้งสามารถดำเนินงานไปตามแผนได้โดยไม่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินในอนาคต ซึ่งการจัดหาเงินทุนนี้ผู้บริหารการเงินต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ
- ตลาดการเงิน
- แหล่งเงินทุนระยะสั้น
- แหล่งเงินทุนระยะยาว
- นโยบายเงินปันผล
- โครงสร้างเงินทุนและต้นทุนเงินลงทุน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น